December 25, 2017

สวัสดีครับเพื่อนๆ

ผมเพิ่งกลับจากการพาครอบครัวไปเที่ยวญี่ปุ่นกับเพื่อนของผมมาเป็นระยะเวลา 11 วัน เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมมากๆเพราะเป็นการพาลูกไปเที่ยวเล่นหิมะครั้งแรก แถมเพื่อนๆที่ไปด้วยกันก็ช่วยกันดูแลครอบครัวของผมเป็นอย่างดี

วันนี้เลยอยากมาลองแชร์ว่าธุรกิจบนอินเทอร์เน็ทของผมเป็นอย่างไรในขณะที่ผมเดินทางท่องเที่ยวอยู่…

[เนื่องจากกลับมาจากญี่ปุ่นแล้วลูกสอบและปิดเทอมต่อเลย ระหว่างที่เขียนบทความนี้ยังไม่เสร็จก็ต้องออกเที่ยวต่อในไทยอีก 14 วัน เลยขอรวบยอดเล่าให้ฟังเรื่องธุรกิจของผมระหว่างเที่ยวทั้งในและนอกประเทศไปเลยละกัน]

จุดประสงค์ไม่ได้อยากจะโชว์ออฟหรือใดๆทั้งสิ้น แต่อยากให้ท่านผู้อ่านได้เข้าใจว่าธุรกิจบนอินเทอร์เน็ทที่ผมพูดถึงนั้นมันมีลักษณะอย่างไร จัดการอย่างไร ในขณะที่เจ้าของธุรกิจไปทำอย่างอื่นอยู่

ไม่ว่าจะอยู่ไทย อยู่นอก ท่องเที่ยวหรือทำกิจกรรมอื่นอยู่

การจัดการมันก็เหมือนเดิมครับ!

ซึ่งนั่นคือเนื้อหาในวันนี้ ผมหวังว่าจะทำให้เพื่อนๆเห็นภาพของธุรกิจบนอินเทอร์เน็ทกันมากขึ้นอย่างแน่นอน…

บทความนี้คงไม่ยืดยาวอะไรมากมาย เพราะต้องการให้ท่านผู้อ่านเห็นภาพเฉยๆว่าเมื่อธุรกิจแนวนี้มันถูกเซ็ทให้เป็นระบบแล้ว… เราจะใช้ชีวิตไปกับการดูแลธุรกิจและเรื่องส่วนตัวอย่างไร

ที่ผมต้องการนำเสนอแบบนี้เพราะว่าเป้าหมายในชีวิตของผมไม่ใช่เรื่องที่ว่าต้องทำเงินให้ได้มากมายจนต้องโฟกัสอยู่กับงานแบบลืมเรื่องรอบตัวไปเลย แต่เป้าหมายในชีวิตของผมหลักเลยคือผมต้องมีชีวิตที่ผมเลือกได้… คือมีเวลาใช้ชีวิตและสามารถดูแลครอบครัวได้

และจากการพูดคุยถามตอบกับเพื่อนๆทางโซเชียลก็ทำให้ผมพบว่าคนอื่นยังไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมทำมากเท่าไหร่ว่ามันเป็นอย่างไร และนั่นคือที่มาของบทความนี้นั่นเอง…

ผมจะมาเล่าว่า… ธุรกิจของผมต้องดูแลอย่างไรในบทความนี้… รับรองว่าสั้นจนคนส่วนใหญ่ไม่คาดคิด!

พร้อมกันยัง???

More...

ธุรกิจของผมคืออะไร?

ธุรกิจของผมคือการสร้างสินค้าดิจิตอลออกมาขายคนทั่วโลก (จริงๆแล้วโฟกัสส่วนใหญ่ไปที่การขายคนอเมริกา) ไม่ว่าจะเป็นอีบุ้ก ซอฟท์แวร์ แอป วีดีโอคอร์ส ฯลฯ ใครยังไม่รู้จักกับสินค้าดิจิตอลให้ลองไปอ่านบทความก่อนหน้านี้ของผมดู

ซึ่งแน่นอนว่าการขายสินค้านั้น ไม่ว่าจะเป็นดิจิตอลหรือฟิสิคอล (จับต้องไม่ได้กับจับต้องได้) มันจะต้องมีการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าเสมอ แต่ในขณะที่ผมไปเที่ยวนั้น ผมได้ตั้งระบบตอบกลับอีเมลอัตโนมัติไว้ว่าผมได้อยู่ในช่วงวันหยุดพักผ่อนยาว จะมีการตอบอีเมลช้ากว่า 24 ชั่วโมง รวมไปถึงสินค้าของผมจริงๆแล้วมีคู่มือที่ค่อนข้างชัดเจนอยู่แล้ว เพราะฉนั้นคนที่อีเมลมาหาผมในช่วงที่ผมไปเที่ยวนั้นจริงๆมีน้อยมาก เรียกว่าตอบได้สบายๆ

แล้วผมต้องดูแลธุรกิจผมอย่างไรในขณะที่ผมไปเที่ยวยาวๆ?

ผมแค่ต้องคอยตอบอีเมลหรือคำถามบางอย่างที่สำคัญๆที่ลูกค้าส่งมา อย่างอื่นไม่ต้องทำอะไรแล้ว เพราะผมมีการเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าทั้งหมด เช่น มีการวางแผนการส่งอีเมลอัตโนมัติเพื่อขายสินค้าตัวอื่นๆให้กับลูกค้าของผมแบบอัตโนมัติ 100% ซึ่งอย่างที่บอกคือผมได้ตั้งค่าไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ก่อนออกเดินทางเที่ยวแล้ว

สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือในระหว่างที่ผมเที่ยวอยู่นั้น ระบบการตลาดการขายผ่านทางอีเมลของผมก็ได้ทำการส่งอีเมลออกไปเพื่อสร้างรายได้ให้ผมอย่างต่อเนื่องตามแผนโดยที่ผมไม่ต้องไปล้อกอินเข้าระบบใดๆเลย เที่ยวอย่างสบายใจได้แบบ 100% อาจจะต้องคอยดูบ้างว่าอีเมลที่วางแผนไว้ล่วงหน้ามีการส่งออกมาจริงหรือไม่ ที่เหลือก็แค่รอดูอีเมลแจ้งรายการขายแบบรัวๆเข้ามา

คืออาจจะอ่านดูแล้วมันสั้นๆ แต่ผมทำแค่เท่านั้นจริงๆ

และนี่คือสิ่งที่ผมทำมาตลอดเกือบสิบปีที่ผ่านมา… มันคือขั้นตอนที่เรียบง่ายชัดเจนดังนี้…

- สร้างสิ่งที่เรียกว่า Mailing list ขึ้นมา
- ทำเงินซ้ำจากมัน ไม่ว่าคุณจะทำสินค้าตัวใหม่มาขายหรืออาจจะเป็นการเอาสินค้าของคนอื่นมาขายแล้วกินค่าคอมฯก็ตาม

อย่างที่เค้าบอกกันมาว่าเงินมันอยู่ในลิสท์ “Money is in the list”

ผมบอกได้เลยว่าอย่าไปเชื่อ… จนกว่าจะได้เจอกับตัวเอง!

ตอนนี้ผมบอกหลักการไปแล้วหลายๆคนอาจจะยังไม่เห็นภาพเท่าไหร่ เดี๋ยวผมขอเอารูปมาประกอบด้วยจะได้เห็นภาพกันชัดเจนง่ายขึ้น เอาตั้งแต่เริ่มต้นกันเลยแล้วกัน…

เริ่มกันที่การสร้าง Mailing list หรือที่บางคนเรียกมันว่า List building

การสร้างลิสท์นี้หลักการง่ายมากคือทำเว็บขึ้นมาแล้วขอเก็บอีเมลของกลุ่มเป้าหมายที่เราคิดว่าจะมาเป็นลูกค้าของเรา ลองดูตัวอย่างของบล็อกนี้ครับ เป็นบล็อกให้ความรู้เกี่ยวกับการถ่ายรูป แต่เวลาที่เข้าไปดู มันจะมีป๊อปอัปขึ้นมาให้ผู้อ่านกรอกอีเมล

คือการทำ List building นั้นจริงๆไม่ต้องเป็นแบบนี้เป๊ะๆก็ได้นะครับ มันมีหลากหลายวิธีมากมายที่จะทำให้เราได้อีเมลของกลุ่มเป้าหมายมา แต่ผมยกตัวอย่างแบบหน้านี้เพราะเป็นหนึ่งในวิธีที่ง่ายที่สุดในการเก็บอีเมลครับ

ถ้าท่านผู้อ่านได้เข้าไปอ่านเว็บของพวกฝรั่งบ่อยๆ หลายๆครั้งจะพบเห็นเว็บในลักษณะนี้ที่ชอบถามหาอีเมลจากเราแล้วแลกเปลี่ยนด้วยการแจกของอะไรบางอย่างมาให้เราแทน นี่ล่ะครับคือการทำ List building!

หลังจากขั้นตอนนี้ไป เรามีหน้าที่เอาไว้เก็บอีเมลของกลุ่มเป้าหมายแล้ว เราก็จะทำการหาทราฟฟิคที่เป็นกลุ่มเป้าหมายเข้ามาในหน้าของเราหน้านี้ ซึ่งอาจจะหามาจากการทำ SEO, Facebook Ads, PPC ฯลฯ ก็เรียกว่าแล้วแต่ความถนัดของแต่ละคนแล้วกัน

ผลลัพธ์ก็คือเราจะได้รายชื่ออีเมลของกลุ่มเป้าหมายมาเก็บไว้

ส่วนระบบการจัดเก็บอีเมลนี่ไม่ใช่แค่มีระบบฐานข้อมูลทั่วๆไปก็สามารถเก็บไว้ได้ คือจริงๆมันก็เก็บไว้ได้นะครับแต่ว่ามันจะไร้ประสิทธิภาพในการจัดการเป็นอย่างมาก เพราะฉนั้นผมแนะนำให้ใช้ระบบจัดการอีเมลพวกนี้โดยเฉพาะอย่างเช่น Infusionsoft, Aweber, GetResponse, ActiveCampaign, Drip ฯลฯ

หลังจากที่เรามี Mailing list แล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการดูแล สร้างความสัมพันธ์ สร้างคุณค่า ระหว่างเรากับกลุ่มเป้าหมายใน Mailing list นั่นเอง ซึ่งเราจะทำผ่านเจ้าระบบการตลาดผ่านอีเมลพวกที่มีรายชื่ออยู่ด้านบนเมื่อสักครู่นี่ล่ะ

หลักการง่ายๆคือเราจะวางแผนไว้ว่าเราต้องการอะไรจากกลุ่มเป้าหมายนี้ แล้วเราก็จะร่างอีเมลขึ้นมาหลายๆฉบับเพื่อนำเข้าไปในระบบอัตโนมัติแล้วทำการส่งอีเมลหากลุ่มเป้าหมายตามที่เราร่างขึ้นมา ซึ่งกระบวนการนี้จะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติผ่านระบบนี้ล่ะ โดยที่เราเข้าไปวางระบบไว้แค่ครั้งเดียว แล้วก็ลืมไปได้เลย… เจ๋งใช่ไหมล่ะ!!??

พอหลังจากที่เรามีความสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มเป้าหมายแล้ว ก็ถึงขั้นตอนของการทำเงิน…

เราก็แค่เลือกระหว่างการสร้างสินค้าใหม่ของตัวเองขึ้นมาแล้วเอามาขายให้กับคนใน Mailing list หรือถ้าไม่อยากสร้างสินค้าตัวใหม่ขึ้นมา หรืออาจจะกำลังสร้างอยู่ เราก็อาจจะไปหาสินค้าของคนอื่นมาขายให้กับคนใน Mailing list ของเราแล้วกินค่าคอมมิสชั่นไปก่อนก็ได้เช่นกัน

การทำนั้นง่ายมาก ก็แค่เข้าไปในเว็บไซท์ที่ขายพวกสินค้าดิจิตอลอย่าง Clickbank.com แล้วเข้าไปใน Marketplace หาสินค้าที่น่าจะเตะตาต้องใจคนใน Mailing list ของเราแล้วก็นำมันไปขายเท่านั้นเอง!

ลองดูจากรูปตัวอย่างแล้วเราก็จะพบว่าค่าคอมมิสชั่นก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว มีตั้งแต่ $20 ขึ้นไปก็ตกราวๆ 600 บาทต่อหนึ่งรายการขาย ว้าว!

หน้าที่ของผมก็คือเข้าไปอ่านหน้าขายสินค้าของสินค้าแต่ละตัวว่าอันไหนน่าจะเหมาะกับกลุ่มเป้าหมายของเรา อันนี้คือตัวอย่างหนึ่ง

เสร็จแล้วผมก็ไปสร้างแคมเปญอัตโนมัติที่มันจะทำงานในระหว่างที่ผมไปท่องเที่ยวอยู่ ไม่ว่าจะ 11 วัน 14 วัน หรือจะนานกว่านั้นก็ไม่มีปัญหาใดๆ

บิงโก! แค่นี้ผมก็พร้อมสำหรับการไปท่องเที่ยวแล้ว! 🙂

ลองคิดดูว่าถ้าเรามีคนใน Mailing list สัก 1,000 คน เวลาโปรโมทสินค้าพวกนี้เข้าไปขายแล้วมีคนซื้อสัก 10 คน เราก็จะได้เงินมาแล้วแบบง่ายๆ 6,000 บาทโดยที่ไม่ต้องไปสร้างเว็บใหม่ สร้างสินค้าใหม่ หาทราฟฟิคช่องทางใหม่ๆ ไม่ต้องทำอะไรเลยยกเว้นเขียนอีเมลเพื่อโปรโมทขายสินค้าเหล่านี้!

ง่ายไหมล่ะครับ? 🙂

ส่วนเวลาที่ผมไปเที่ยวยาวๆแล้วสามารถสร้างรายได้ไปได้ด้วยในระหว่างเที่ยวก็คือการหาสินค้าเหล่านี้มาเขียนอีเมลโปรโมทขายแล้วตั้งเวลาล่วงหน้าให้มันส่งออกไปขายเองโดยอัตโนมัตินั่นเอง

พอเห็นภาพกันชัดมากขึ้นแล้วใช่ไหมครับ? 🙂

แล้วไปเที่ยว 11 วัน กับ 14 วัน การดูแลต่างกันไหม?

จริงๆแล้วหลักการไม่แตกต่างกันเลยครับ ความแตกต่างจริงๆมีแค่ว่าถ้าจะไปเที่ยวนานๆ เราก็ต้องตั้งระบบอัตโนมัติไว้ยาวๆหน่อยแค่นั้นเอง

จะเริ่มต้นทำได้ยังไง?

ลองกลับไปอ่านบทความก่อนหน้านี้ดูครับ อีกไม่กี่วันผมจะกลับจากการเที่ยวทั่วอีสานแล้วผมจะมาเขียนบทความฉบับต่อไปให้ทุกคนได้เรียนรู้แนวคิดและวิธีการกันต่อไป

แล้วพบกันครับ 🙂

About the author 

ก๊วง

คนไทยคนแรกและคนเดียวในปัจจุบันที่ ClickBank ควักกระเป๋าเชิญไปพูดที่เวทีต่างประเทศร่วมกับนักการตลาดออนไลน์ระดับโลก (ClickBank.com คือเว็บไซท์ขาย Digital Product อันดับหนึ่งของโลกในปัจจุบัน ยอดขายมากกว่า $3 Billion USD)

{"email":"Email address invalid","url":"Website address invalid","required":"Required field missing"}

Subscribe now to get the latest updates!

>