"Your better LIFESTYLE is our only MISSION"

IMT inspiration & services provide knowledges, tools and services to help you learn, plan and take action with full confidence through the global-proven knowledges and strategies that you can replicate on your online businesses.

บทความทางด้านการทำธุรกิจออนไลน์จากเรา

คุณรู้ไหมว่าหน้าเว็บเห่ยๆ 1 หน้าทำเงินให้ผมมากกว่า 7 หลักเมื่อปี 2008
และสิ่งที่ผมสร้างเอาไว้จากเจ้าธุรกิจตัวนี้ก็ยังคงทำเงินให้ผมอยู่ตลอดเวลาจนวันนี้เวลานี้

ผมเป็นคนโชคดีมากๆที่ได้เริ่มต้นทำ "ธุรกิจ" ตัวนี้ตั้งแต่สมัยสิบกว่าปีก่อน

แต่... เรื่องที่ผมเสียดายก็คือ

ผมเคยแบ่งปัน สอน เรื่องเหล่านี้ให้คนหลายๆคนมาตั้งแต่ปี 2011 แต่...

ส่วนใหญ่แล้วคนไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมทำ อาจจะด้วยอคติบางอย่าง หรืออาจจะมีอะไรมาบังตาเค้าอยู่?

เอาจริงๆผมก็ไม่สนใจเหตุผลพวกนั้นมากนักหรอก แต่สิ่งที่ผมเสียดายแทนพวกเค้าก็คือ...

“โอกาส”

โอกาสที่เค้าจะสามารถสร้างรายได้เข้ากระเป๋าตัวเองที่มากกว่าเงินจากงานประจำ
โอกาสที่เค้าจะสามารถเลือกเส้นทางเดินชีวิตของตัวเอง
โอกาสที่เค้าจะสามารถมีเวลาอยู่กับครอบครัวได้เท่าที่ต้องการ
และโอกาสอื่นๆอีกมากมาย...

โดยเฉพาะในสถานการณ์โควิดแบบนี้ ต้องบอกเลยว่าผมเสียดายแทนพวกเค้ามากๆที่พวกเค้าไม่ได้พยายามสร้าง “ธุรกิจ” นี้ขึ้นมา

ถึงแม้ว่าธุรกิจที่ผมทำนี้จะได้รับผลกระทบจากโควิดเช่นกัน แต่แน่นอนว่า... ผลกระทบน้อยกว่าธุรกิจรูปแบบอื่นมากๆ

ธุรกิจแนวผมไม่ต้องมีการสต๊อกสินค้า ไม่ต้องขนส่ง ไม่มีต้นทุนเพิ่มเติมตามจำนวนที่ขายได้ ไม่ต้องมีพนักงาน ไม่ต้องมีออฟฟิซ มีต้นทุนต่ำมากๆ

คุณคิดดูสิครับ เคสที่แย่ที่สุด ถ้าผมขายของไม่ได้เลย ผมก็มีต้นทุนแค่ค่าเครื่องมือหลักพันบาทต่อเดือน ซึ่งผมสามารถยกเลิกเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยใดๆ (แต่ขอโทษ ผมยังขายของได้ทุกวันในยุคโควิดนี้ แม้จะไม่ดีเท่ายุคที่ไร้โควิด)

ผมขอย้ำว่าผมเสียดายโอกาสนี้แทนพวกเค้ามากๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันนี้ วันที่คุณได้เห็นเองแล้วว่า... ธุรกิจรูปแบบเดิมๆมันมีข้อเสียอย่างไรบ้างในยุคโควิด(พร้อมๆกับยุค ผนงรจตกม.)ครองเมือง

ผมว่าช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะมากที่คุณควรจะเปิดใจเรียนรู้ อยู่บ้านเยอะขึ้น เวลาเยอะขึ้น เป็นโอกาสที่ดีมากๆในการเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ

วันนี้เลยอยากเขียนบทความสักอันด้วยความคาดหวังเพียงว่า... คุณจะไม่พลาดโอกาสนี้ไปอีกคนเพียงเพราะคุณไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมอยากแบ่งปัน (หรืออาจจะเข้าใจอะไรผิดๆอยู่)

6 ความเข้าใจผิดเรื่อง IM

1. เป็นเรื่องหลอกลวง

อันนี้ผมไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกัน ตอนผมเห็นเว็บแนวนี้ผมก็คิดแบบเดียวกันเป๊ะเลย หลอกชัดๆ แต่ด้วยความที่ผมเห็นว่าคนส่วนใหญ่ต่างก็คิดว่าเป็นเรื่องหลอกลวงเช่นกัน ตอนนั้นผมเลยคิดว่าคนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มีชีวิตที่ตัวเองต้องการนี่นา เลยลองสวนความเชื่อตัวเองดู ผมเลยมีวันนี้ครับ วันที่ผลลัพธ์ของผมทำให้ผมไม่จำเป็นต้องทำงานประจำอีกเลย 😉 (ถ้าคุณยังไม่รู้จักผม ผมทำงานประจำมาก่อน และทำธุรกิจนี้ควบคู่ไปด้วย จนกระทั่งรายได้มากกว่าเงินเดือน สุดท้ายผมจึงตัดสินใจลาออกจากงานประจำมาช่วยภรรยาเลี้ยงลูกเมื่อปี 2011 ทุกวันนี้ก็ใช้เวลาเต็มที่อยู่กับครอบครัว ไปรับไปส่งลูกกับภรรยาที่โรงเรียนทุกวัน)

ถ้าคุณยังคิดว่าเว็บแนวนี้เป็นเรื่องหลอกลวงอยู่ ผมอยากบอกว่าใช่ครับ มีหลายๆเว็บแนวนี้เป็นพวกหลอกลวง ต้มตุ๋น โกหก ที่เมืองนอกก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่สิบกว่าปีก่อนแล้ว ตอนนี้ในไทยก็มีเช่นกัน แต่ผมว่ามันก็จะต้องมองย้อนกลับมาที่คนทำนี่ล่ะครับ

ถ้าคุณสร้างทุกอย่างขึ้นมาอย่างเป็นระบบ ไม่โกหกหลอกลวงใคร มันจะกลายเป็นธุรกิจจริงๆได้แน่นอน แต่ถ้าคุณทำออกมาเป็นแนวต้มตุ๋นหลอกลวง นั่นก็เป็นเพราะตัวคุณเองที่...

ที่ผมอยากบอกก็คือ... ธุรกิจแบบนี้มันทำได้จริงๆครับ ส่วนผลที่ออกมาจะเป็นของจริงหรือจะหลอกลวง มันก็ขึ้นอยู่กับคนทำ แต่แนวทางและขั้นตอนมันพิสูจน์แล้วว่า “ทำได้จริง”

2. เป็นเรื่องการขายตรง/MLM

ผมต้องถามก่อนว่า... นิยามของคำว่า “ขายตรง” ที่คุณไม่ชอบ หรืออาจจะเข้าขั้นเกลียดเลย มันคืออะไร?

คุณเกลียดการที่คนขายชอบมาตื๊อขายจนน่ารำคาญ?
คุณเกลียดพวกแชร์ลูกโซ่?

ผมจะบอกว่าเว็บแนวที่ผมทำนี้จริงๆมันไม่ใช่ทั้ง “ขายตรง” และ “MLM” ทั้งคู่นั่นล่ะ

แต่เป็นสิ่งที่ผมและคนที่ทำแนวนี้เรียกว่า “Direct Response” แปลไทยประมาณว่าเป็นเว็บที่ต้องการ “ผลตอบรับตรงๆทันที” อารมณ์ประมาณนี้

คือถ้าเป็นการขายสินค้า ก็เป็นการขายสินค้าที่คาดหวังให้เกิดการขายเลย ไม่ได้สนใจเรื่องการสร้างแบรนด์ สร้างยอดไลค์อะไร นี่ล่ะคือ “Direct Response”

ซึ่งจริงๆตอนหลังมันก็มีคนหัวหมอ ทำเว็บแนว “Direct Response” แบบนี้ แล้วพยายามยัดสินค้าที่ขายเป็นพวกขายตรง แชร์ลูกโซ่ MLM ซึ่งต้องบอกเลยว่ามันก็ขึ้นอยู่กับคนทำนั่นล่ะว่าเอาสินค้าอะไรมาทำกับเว็บแนว “Direct Response” นี้

แต่สิ่งที่ผมการันตีได้อีกอย่างนึงก็คือ... “Direct Response” ใช้ได้ผลกับสินค้าหรือบริการเกือบทุกอย่างบนโลกนี้ ไม่เว้นแม้แต่สินค้าขายตรง แชร์ลูกโซ่ หรือแม้แต่ MLM

คือ “Direct Response“ มันใช้ได้ผลดีมากๆ จนพวกที่ทำขายตรง MLM พวกนี้ต้องเอาไปใช้ 

แต่ก็อย่างที่ผมบอกครับ มันขึ้นอยู่กับตัวเราว่าเราจะขายอะไร ถ้าคุณไม่อินกับพวกขายตรง คุณก็แค่อย่าไปขายสินค้าแนวขายตรง ทำสินค้าคุณภาพจริงๆขึ้นมาก็จบ

และถ้าคุณย้อนขึ้นไปดูที่เว็บของผม สินค้าที่ผมขายก็ไม่เกี่ยวอะไรกับขายตรงหรือ MLM อะไรพวกนั้นเลย แต่มันเป็น Software ตัวเล็กๆ และผมก็ไม่ได้ขายเฉพาะ Software แต่ผมมีขายทั้งพวก eBook, วีดีโอคอร์ส ฯลฯ อีกเยอะแยะครับ

และทุกอย่างก็ไม่ได้เกี่ยวกับการขายตรงเลย!

3. ต้องเก่งภาษาอังกฤษถึงจะทำได้

อันนี้บอกเลยว่าเป็นความเข้าใจผิดมากๆ

คุณรู้หรือไม่ว่า... จริงๆแล้ว “ภาษา“ มันเป็นแค่ “รูปแบบ“ ของการสื่อสารแบบนึงเท่านั้น

ภาษาไทยก็คือรูปแบบนึงของการสื่อสาร ภาษาอังกฤษก็เป็นแค่อีกรูปแบบนึงของการสื่อสารเท่านั้น

และมันไม่ได้เกี่ยวกับการจะทำธุรกิจออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จสักนิดเลย!

สิ่งที่เกี่ยวข้องกับความสำเร็จจริงๆมันคือ... คุณสื่อสารออกไป ”แบบไหน” ให้ลูกค้ารับรู้ต่างหาก

ต่อให้คนพูดภาษาอังกฤษเก่งๆแต่ไม่เคยขายของมาขายของออนไลน์มาก่อน ถ้าจับไปแข่งกับคนที่เรียนไม่จบมหาลัย ไม่เก่งภาษาอังกฤษ แต่รู้ว่าต้องสื่อสารออกไป “แบบไหน” คนถึงจะซื้อ

แบบนี้คนพูดภาษาอังกฤษเก่งๆยังไงก็แพ้ครับ เพราะภาษาอังกฤษที่ไม่แข็งแรงมันเป็นแค่ “รูปแบบ” เท่านั้น เราก็แค่จ้างฝรั่งมาพูดสคริปท์แทนก็จบแล้ว

บอกเลยว่าเดี๋ยวนี้มีคนรับจ้างพูดและเขียนภาษาอังกฤษในราคาที่จับต้องได้เยอะแยะมากๆ

คุณอยากดูคลิปแรกที่ผมทำเมื่อสิบกว่าปีก่อนเพื่อขายสินค้าให้กับคนต่างชาติของผมไหมล่ะ?
https://youtu.be/eBc902QH81Y (อย่าหัวเราะผมล่ะ ผมบอกแล้วตอนนั้นภาษาผมกากจริงๆ)

ถึงแม้จะมีคนบ่นว่าฟังไม่รู้เรื่องบ้าง แต่ขอโทษ... มีหลายคนที่ซื้อสินค้าของผมจากคลิปนี้นะครับ เพราะเค้าเห็นใน “คุณค่า” ที่เค้าจะได้รับจากสินค้าผม

ผมบอกแล้วครับ มันอยู่ที่คุณสื่อสารออกไป “แบบไหน” ไม่เกี่ยวกับ “รูปแบบ” เลย

ถ้าภาษาอังกฤษคุณไม่ได้ จ้างเอาครับ เอาสมองไปคิดเรื่องการตลาด การขาย คุ้มเวลากว่าเยอะ

เลิกคิดเถอะครับว่าภาษาอังกฤษเป็นอุปสรรค!

4. ต้องเก่งคอมถึงจะทำได้

อันนี้ผมไม่ปฏิเสธนะครับว่าคนที่เล่นคอมมาจะได้เปรียบคนที่ใช้คอมไม่คล่อง ถ้าผมบอกว่าไม่เกี่ยวซะทีเดียวก็เหมือนคนขี้โกหกน่ะครับ

ถ้าใครเก่งคอมมาก่อนก็จะเสียเวลาเรียนแค่ส่วนของเครื่องมือต่างๆเท่านั้น แต่คนที่ไม่ค่อยได้ใช้คอมมาก่อนเลย ก็อาจจะต้องใช้เวลาเรียนเรื่องพื้นฐานทั่วไปด้วย

แต่ข่าวดีก็คือ... ยุคนี้เครื่องมือช่วยในการทำเรื่องพวกนี้มีเยอะกว่าสมัยก่อนมากๆ

เมื่อ 10 กว่าปีก่อน เวลาผมจะสร้างเว็บขึ้นมา 1 หน้า อาจจะต้องใช้เวลาหลายวัน แถมยังต้องทำในเรื่องของเทคนิคต่างๆด้วย เช่น FTP, HTML, จดโดเมน, เซ็ตอัปเว็บโฮสติ้ง ฯลฯ

แต่เดี๋ยวนี้มีทางเลือกของเครื่องมือหลากหลายที่จะช่วยให้เราสามารถมีเว็บขึ้นมาได้ภายใน 1 วัน

เราแค่ต้องรู้ว่าสร้างเว็บแบบไหนถึงจะขายสินค้าได้ก็พอ ไม่ต้องไปรู้อะไรในด้านเทคนิคมากมาย

ผมยกตัวอย่างคนที่เคยมาเรียนกับผม มีคนนึงเป็นคุณหมอ คุณหมอเป็นคนน่ารักและมีความพยายามมาก แม้จะใช้คอมไม่คล่องมาก่อน แต่ก็สามารถสร้างเว็บขึ้นมาและขายสินค้าให้กับคนต่างประเทศได้เช่นกัน

มาถึงตรงนี้ผมขอบอกเลยว่าไม่เก่งคอมก็ทำได้ครับ

แค่... ใจคุณพร้อมลุยหรือเปล่าก็เท่านั้นเอง!

5. ต้องใช้ทรัพยากรเยอะ ทั้งเงินทุนและคน

อันนี้ผมต้องบอกว่าคนเข้าใจผิดเยอะมาก โดยเฉพาะชอบคิดว่าการจะทำธุรกิจให้ได้เงินเยอะๆนั้น เราต้องทำบริษัทให้ใหญ่ๆ ผมจะบอกว่า... ไม่ผิดครับ

คือถ้าคุณต้องการสเกลไประดับร้อยล้าน แน่นอนคุณต้องมีทีม อันนี้เลี่ยงไม่ได้ ยังไงก็ต้องจ้างคนมาช่วยทำงาน

แต่ถ้าเป้าหมายของคุณไม่ได้เป็นอะไรที่ต้องทำรายได้ระดับร้อยล้านล่ะ?

ผมรู้จักคนที่ทำรายได้จากธุรกิจเหล่านี้หลักสิบล้านที่ไม่มีลูกน้อง ไม่มีออฟฟิศ เป็นจำนวนหลายต่อหลายคน และหลายคนชอบท่องเที่ยวไปกับครอบครัว ไม่ชอบการต้องติดอยู่กับออฟฟิศ เลือกเวลาและสถานที่ทำงานของตัวเองได้

ที่สำคัญคือระบบของเค้าสามารถสร้างรายได้ให้เค้า 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด โดยที่เค้าไม่ต้องไปนั่งเฝ้าตอบคำถามลูกค้าตลอดเวลา เพราะระบบเกือบทั้งหมดมันทำงานแบบอัตโนมัติอยู่แล้ว

เราอยู่ในยุคที่หุ่นยนต์และ AI สามารถทำงานแทนเราได้เยอะแล้วนะครับ 

ถ้าคุณทำงานโดยที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์จากเรื่องเหล่านี้อยู่ ผมว่าคุณอาจจะมีความเสี่ยงที่จะตกยุคอยู่ครับ

ผมอยากจะบอกว่า ทรัพยากรที่ต้องใช้เยอะที่สุดสำหรับงานแบบนี้ก็คือ “มันสมอง” ครับ และผมเชื่อว่าทุกคน “มี” มันอยู่ แค่ยังไม่คิดจะเอาออกมาใช้แบบจริงจังเท่านั้นเอง

6. ความรู้ที่เรามีอยู่มันก็ดีนะ แต่มันไม่ดีพอที่จะให้ใครเอาเงินมาแลกหรอก

คือคุณก็รู้ใช่ไหมว่าไอ้ความรู้ที่คุณมีอยู่เนี่ย แค่ไปค้นหาตาม Google มันก็เจอเหมือนๆกันล่ะ แล้วใครจะยินดีมาจ่ายเงินซื้อความรู้ของเราล่ะ?

ผมขอตอบว่า... มีเยอะแยะเลยครับ!

ผมถามจริงๆเถอะว่า... เวลาที่คุณค้นหาวิธีแก้ปัญหาอะไรสักอย่างที่สำคัญเจอบน Google คุณเชื่อในวิธีแก้ปัญหานั้นๆไหม? ถ้าเชื่อ... เชื่อขนาดไหน?

และถ้าปัญหาของคุณเป็นปัญหาสำคัญจริงๆในชีวิต คุณจะเชื่อถือข้อมูลมั่วๆที่หาเจอจาก Google ได้จริงๆหรือ?

ในขณะที่ถ้ามีคนคนนึงเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในวงการว่าเค้าสามารถแก้ปัญหาที่ว่านั้นได้จริงๆ มีข้อมูลประวัติลูกค้าของเค้าที่เค้าช่วยแก้ปัญหาได้จริงๆ

ถ้าให้เทียบกันว่าคุณจะเชื่อถือฝั่งไหนมากกว่า คุณจะเลือกเชื่อฝั่งไหนระหว่างข้อมูลที่เจอมั่วๆบน Google กับ ข้อมูลที่ได้มาจากคนคนนี้?

และเกือบๆจะร้อยทั้งร้อย เราล้วนยินดีควักกระเป๋าแลกกับข้อมูลการแก้ปัญหานั้นๆเสียด้วย
(แม้ว่าหลายๆครั้งข้อมูลที่คนคนนั้นช่วยเราแก้ปัญหา ก็เหมือนกับข้อมูลที่เราเจอบน Google นั่นล่ะ!)

ผมรู้จักกับเพื่อนผมหลายคนที่ขายข้อมูลการแก้ปัญหาในเรื่องประหลาดๆที่ผมไม่เคยคิดว่ามันจะทำเงินได้ เช่น คอร์สสอนปลูกเห็ด คอร์สสอนวาดภาพเหมือน (ทำเงินมากว่า 5-6 หลัก/เดือนต่อเนื่องหลายปี)

https://web.archive.org/web/20081010201607/http://www.mushroomgrowbuddy.com/
https://web.archive.org/web/20120214001619/http://www.pencilportraitmastery.com/

เพราะฉนั้นแล้ว... อย่าดูถูกความรู้ความเชี่ยวชาญที่คุณมีอยู่ครับ เราแค่เอามันมาเรียบเรียงตบๆแต่งๆหน่อย รับรองเลยว่ามีคนต้องการอย่างแน่นอน! 🙂

คำเตือน: ธุรกิจแนวนี้ยังคงเหมือนธุรกิจรูปแบบอื่นโดยเฉพาะในเรื่องของการก้าวสู่ความสำเร็จ... คุณต้องใช้ความทั้งพยายาม ความอดทน ความต่อเนื่อง และต้องโฟกัสดีๆโดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้น อย่าคิดว่ามันจะสร้างทางลัดสู่ความร่ำรวยให้คุณโดยที่ไม่ต้องพยายามใดๆครับ

Read More

They Say

Peter Strauss

UI Designer

" Lorem ipsum dolor sit amet, sagittis consectetur elit, sed duius eiusmod tempor incididunt."

Julia Stewart

Product Manager

" Lorem ipsum dolor sit amet, sagittis consectetur elit, sed duius eiusmod tempor incididunt."

>